โรคเบาหวาน คือภาวะที่มีระดับน้ำตาลกลูโคสสูงในเลือด ซึ่งเป็นผลจากความบกพร่องในการหลั่ง Insulin จากตับอ่อน หรือ การออกฤทธิ์ของ Insulin ผิดปกติ หรือทั้ง 2 อย่างร่วมกัน เป็นโรคที่พบบ่อย 10.2% ของประชากรอายุ >35 ปี
อาการของโรคเบาหวาน
ดื่มน้ำบ่อย ปัสสาวะบ่อย หิวบ่อย ตัวมัว เพลีย น้ำหนักตัวลดลงดดยอธิบายไม่ได้ด้วยเหตุอื่น
ข้อบ่งชี้ในการตรวจหาโรคเบาหวานในบุคคลที่ไม่ทราบว่าเป็นโรคเบาหวานมาก่อนและไม่มีอาการผิดปกติ และไม่มีปัจจัยเสี่ยงใดๆ
1. อายุ _> 45 ปีถ้าหากผลตรวจปกติ ควรตรวจซ้ำทุก3ปี
2. ผู้ที่ควรได้รับการตรวจก่อนอายุ 45 ปี หรือต้องมีการตรวจซ้ำเป็นระยะถี่ขึ้น ได้แก่ผู้ที่มีปัจจัยดังต่อไปนี้
– ดัชมีมวลกาย_> 25 (คำนวณจาก(น้ำหนัก(kg) / ส่วนสูง (เมตร))
– ประวัติโรคเบาหวานในญาติ เช่น มี พ่อ แม่ พี่ น้องเป็นเบาหวาน
– ประวัติคลอดบุตรน้ำหนัก มากว่า 4 กิโลกรัม หรือประวัติเบาหวานขณะตั้งครรภ์
– ความดันโลหิตสูง มากกว่า 140/90mmHh
– ไขมันในเลือดผิดปกติ HDL<35 mg/dl, Triglyceride _> 250mg/dl
– เคยพบน้ำตาลหลังอดอาหาร 8 ชั่วโมง_>100 mg/dl
– ออกกำลังกายน้อย
– มีโรคของหลอดเลือด
– เป้นโรคถุงน้ำรังไข่ (Pilycystic Ovarian Syndrome)
ภาวะแทรกซ้อนเรื้อรัง (หรืออันตรายภัยเงียบจากเบาหวาน)
1. หลอดเลือดหัวใจ ทำให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด หรือกล้ามเนื้อหัวใจตาย
2. หลอดเลือดสมอง ทำให้เกิดภาวะอัมพาต อัมพฤกษ์
3. หลอดเลือดส่วนปลายที่ขา ทำให้เลือดไปเลี้ยงขาไม่เพียงพอ มีอาการปวดน่องเวลาเดิน และอาจทำให้เกิดแผลที่เท้าเนื่องจากการขาดเลือดไปเลี้ยง
4. จอประสาทตา ผู้ป่วยได้รับการตรวจจอประสาทตาโดยจักษุแพทย์อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง และหากพบความผิดปกติ สามารถรักษาได้โดยการ Laser เพื่อป้องกันระดับสายตาเสื่อมลงและตาบอด
5. ไต ขั้นแรกจะตรวจพบ ไข่ขาว รั่วออกมาในปัสสาวะ และหากไม่ระวังดูแลให้ดีอาจทำให้เกิดภาวะไตวายในอนาคตได้
6. เส้นประสาท อาการที่พบบ่อยคือ มีอาการชาหรือปวดแสบปวดร้อน หรือปวดรุนแรงหรือรู้สึกชาแบบเหน็บชา หรือเหมือนถูกเข็มแทง โดยมักมีอาการที่ปลายเท้า และปลายมือก่อน
หากไม่อยากให้เกิดภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวานดังกล่าว ควรควบคุมระดับน้ำตาลให้ดี ตั้งแต่แรกวินิจฉัย รวมทั้งตรวจหาและรักษาปัจจัยเสี่ยงที่พบร่วมอันได้แก่ ความดันโลหิตสูงและไขมันในเลือดสูง
ออกกำลังกายสม่ำเสมอ 30-60 นาที ต่อครั้ง 3-5 ครั้งต่อสัปดาห์
การปฏิบัติตัวสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน
1. ควบคุมอาหาร โดยลด ข้าว แป้ง น้ำตาล และเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลโดยเฉพาะ น้ำอัดลม น้ำผลไม้ และนมเปรี้ยว
2. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ 30-60 นาทีต่อครั้ง 3-5 ครั้งต่อสัปดาห์
3. งดสูบบุหรี่
4. รับประทานยาหรือฉีดยาตามแพทย์แนะนำ
5. รักษาปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ที่พบร่วม ได้แก่ ความดัน โลหิตสูง และไขมันในเลือดสูง
6. หากมีอาการผิดปกติ เช่นอาเจียน รับประทานอาหารไม่ได้ ควรปรึกษาแพทย์เนื่องจากระดับน้ำตาลจะแกว่งสูงหรือต่ำได้มาก